สถาบันอาหาร – สภาอุตสาหกรรม – สภาหอการค้าฯชี้อุตฯอาหารไทยฮึดสู้โควิด-19 ส่งออกครึ่งปีแรก 63 หดตัว 2%คาดฟื้นตัวครึ่งปีหลัง 3.6% มุ่งเป้า 1 ล้านล้านบาท
3 องค์กรด้านอุตฯอาหารเผยครึ่งปีแรกของปี 2563 ผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารของไทยลดลงร้อยละ 8.6 ด้านการส่งออกมีมูลค่า 505,584 ล้านบาท หดตัวลงเล็กน้อยร้อยละ 2.0 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 พบกลุ่มสินค้าอาหารแปรรูปขยายตัวเพิ่มขึ้น(+0.1%) ขณะที่กลุ่มสินค้าเกษตรวัตถุดิบหดตัวลง(-3.7%) ชี้การส่งออกอาหารไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะพลิกกลับมาเป็นบวก คาดมีมูลค่าราว 519,416 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 ประเมินว่าหากกิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว เงินบาทไม่แข็งค่าและผันผวนมากนัก และการขาดแคลนวัตถุดิบมีแนวโน้มลดลงจากภัยแล้งที่เริ่มคลี่คลาย ภาพรวมปี 2563 การส่งออกจะมีมูลค่า 1,025,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8
สถาบันอาหาร//การแถลงข่าวร่วม 3 องค์กรเศรษฐกิจด้านธุรกิจเกษตรและอาหาร โดย สถาบันอาหาร สภาอุตสาหกรรมฯ และสภาหอการค้าฯ เผยข้อมูลภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารของไทยครึ่งปีแรกของปี 2563 และแนวโน้มครึ่งอีกครึ่งปีหลังของปี 2563 มีตัวแทนหลักของทั้ง 3 องค์กร ประกอบด้วย นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมให้รายละเอียดสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
นางอนงค์ ไพจิตรประภาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร หน่วยงานเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในการประสานความร่วมมือของ 3 องค์กร ในส่วนของสถาบันอาหารจะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายใต้การดำเนินงานของ ศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร หรือ Food Intelligence Center โดยมีสภาอุตสาหกรรมฯ และสภาหอการค้าฯ ร่วมบูรณาการข้อมูล พบว่าช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ผลผลิตอุตสาหกรรมอาหารของไทยหดตัวลงมากที่ร้อยละ 8.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากมาตรการล็อคดาวน์ประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิด-19 โดยการผลิตสำคัญที่หดตัวลงในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ น้ำตาลทราย(-38.0%) แป้งมันสำปะหลัง(-4.9%) กุ้งแช่แข็ง(-3.9%) และสับปะรดกระป๋อง (-7.9%) ส่วนอุตสาหกรรมที่มีการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ได้แก่ การแปรรูปเนื้อไก่ (+3.1%), ปลาทูน่ากระป๋อง (+18.1%) เครื่องปรุงรส (+3.9%) และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (+10.7%) เป็นต้น
ด้านการส่งออกอาหารของไทย ภาพรวมครึ่งปีแรกหดตัวลงเล็กน้อยร้อยละ 2.0 มีมูลค่า 505,584 ล้านบาท พบว่ากลุ่มสินค้าอาหารแปรรูปขยายตัวเพิ่มขึ้น (+0.1%) มีมูลค่า 238,869 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มสินค้าเกษตรวัตถุดิบการส่งออกหดตัวลง (-3.7%) มีมูลค่า 266,715 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกของปี 2563 การส่งออกหดตัวลงร้อยละ 9.1 และสามารถพลิกกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 ได้ในไตรมาสที่ 2 เพราะประเทศผู้นำเข้าเริ่มมีการสั่งซื้อสินค้าอาหารเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น
“สินค้าอาหารที่ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ ไก่สดและแปรรูป(+2.1%) ปลาทูน่ากระป๋อง(+10.0%) เครื่องปรุงรส(+6.6%) และอาหารพร้อมรับประทาน(+15.8%) ส่วนสินค้าที่ส่งออกหดตัว ได้แก่ ข้าว (-14.9%) น้ำตาลทราย(-12.8%) แป้งมันสำปะหลัง(-12.2%) กุ้ง(-13.2%) สับปะรด(-1.0%) และมะพร้าว(-15.0%) ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุดิบ (ข้าว น้ำตาลทราย แป้งมันสำปะหลัง สับปะรด) รวมถึงช่องทางจำหน่ายที่หดตัว กระทบต่อการส่งออกกุ้งและมะพร้าว (กะทิสำเร็จรูป) โดยเฉพาะช่องทางจำหน่ายในกลุ่มธุรกิจปลายน้ำอย่างโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร (HORECA) ที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้”
นางอนงค์ กล่าวต่อว่า ตลาดที่ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ จีน(+27.4%) สหรัฐฯ(+14%) และโอเชียเนีย(+8.5%) ส่วนตลาดที่หดตัว ได้แก่ อาเซียน(-7.4%) ญี่ปุ่น(-2.5%) สหภาพยุโรป(-11.4%) แอฟริกา(-33.3%) และตะวันออกกลาง(-12.5%) โดยแนวโน้มการค้าอาหารโลกในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะมีมูลค่า 645,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ตามความต้องการนำเข้าสินค้าอาหารของประเทศคู่ค้าสำคัญเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 ภาครัฐของแต่ละประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการสินค้าอาหารเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจีนที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ทำให้ความต้องการอาหารเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
“แนวโน้มการส่งออกอาหารของไทยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น การส่งออกจะพลิกกลับมาเป็นบวก จะมีมูลค่าราว 519,416 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 โดยภาพรวมตลอดทั้งปี 2563 คาดว่าการส่งออกจะมีมูลค่า 1,025,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 สินค้าหลักที่คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ไก่ ปลาทูน่ากระป๋อง เครื่องปรุงรส อาหารพร้อมรับประทาน รวมทั้งสับปะรดที่คาดว่ามูลค่าส่งออกจะลดลง ได้แก่ ข้าว น้ำตาลทราย แป้งมันสำปะหลัง กุ้ง และมะพร้าว ซึ่งการคาดการณ์อยู่ภายใต้เงื่อนไขของความต้องการอาหารมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับมาดำเนินงานได้มากขึ้น ช่องทางค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยชดเชยการลดลงของการจำหน่ายในช่องทางโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหารได้ระดับหนึ่ง เงินบาทจะไม่แข็งค่าและไม่ผันผวนมากจนเกินไปภายใต้กรอบ 31-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และแรงกดดันจากภาวะขาดแคลนวัตถุดิบมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากภัยแล้งที่เริ่มคลี่คลายจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้น”
-นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าฯ“สินค้าอาหารที่ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ ไก่สดและแปรรูป(+2.1%) ปลาทูน่ากระป๋อง(+10.0%) เครื่องปรุงรส(+6.6%) และอาหารพร้อมรับประทาน(+15.8%) ส่วนสินค้าที่ส่งออกหดตัว ได้แก่ ข้าว (-14.9%) น้ำตาลทราย(-12.8%) แป้งมันสำปะหลัง(-12.2%) กุ้ง(-13.2%) สับปะรด(-1.0%) และมะพร้าว(-15.0%) ส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุดิบ (ข้าว น้ำตาลทราย แป้งมันสำปะหลัง สับปะรด) รวมถึงช่องทางจำหน่ายที่หดตัว กระทบต่อการส่งออกกุ้งและมะพร้าว (กะทิสำเร็จรูป) โดยเฉพาะช่องทางจำหน่ายในกลุ่มธุรกิจปลายน้ำอย่างโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร (HORECA) ที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้”
นางอนงค์ กล่าวต่อว่า ตลาดที่ไทยส่งออกได้เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ จีน(+27.4%) สหรัฐฯ(+14%) และโอเชียเนีย(+8.5%) ส่วนตลาดที่หดตัว ได้แก่ อาเซียน(-7.4%) ญี่ปุ่น(-2.5%) สหภาพยุโรป(-11.4%) แอฟริกา(-33.3%) และตะวันออกกลาง(-12.5%) โดยแนวโน้มการค้าอาหารโลกในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าจะมีมูลค่า 645,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 ตามความต้องการนำเข้าสินค้าอาหารของประเทศคู่ค้าสำคัญเพื่อรองรับสถานการณ์โควิด-19 ภาครัฐของแต่ละประเทศมีการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการสินค้าอาหารเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจีนที่เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ทำให้ความต้องการอาหารเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
“แนวโน้มการส่งออกอาหารของไทยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น การส่งออกจะพลิกกลับมาเป็นบวก จะมีมูลค่าราว 519,416 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 โดยภาพรวมตลอดทั้งปี 2563 คาดว่าการส่งออกจะมีมูลค่า 1,025,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 สินค้าหลักที่คาดว่าจะมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ไก่ ปลาทูน่ากระป๋อง เครื่องปรุงรส อาหารพร้อมรับประทาน รวมทั้งสับปะรดที่คาดว่ามูลค่าส่งออกจะลดลง ได้แก่ ข้าว น้ำตาลทราย แป้งมันสำปะหลัง กุ้ง และมะพร้าว ซึ่งการคาดการณ์อยู่ภายใต้เงื่อนไขของความต้องการอาหารมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังกิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับมาดำเนินงานได้มากขึ้น ช่องทางค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยชดเชยการลดลงของการจำหน่ายในช่องทางโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหารได้ระดับหนึ่ง เงินบาทจะไม่แข็งค่าและไม่ผันผวนมากจนเกินไปภายใต้กรอบ 31-32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และแรงกดดันจากภาวะขาดแคลนวัตถุดิบมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากภัยแล้งที่เริ่มคลี่คลายจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้น”
-นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตฯ
อนึ่ง เร็วๆ นี้ทางสถาบันอาหารจะได้ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) ในการส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและอาหารด้วยนวัตกรรม เป็นความร่วมมือในด้านวิชาการ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมมือกันพัฒนาอาหารให้ตรงตามความต้องการของตลาดสู่เชิงพาณิชย์อย่างครบวงจร ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านอาหารในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ช่องทางการตลาด การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า พัฒนาบุคลากร ตลอดจนถ่ายทอดองค์ความรู้ การบริหารจัดการ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อพัฒนางานด้านอุตสาหกรรมอาหารของประเทศให้มีความเข้มแข็ง และมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนต่อไป .
อนึ่ง เร็วๆ นี้ทางสถาบันอาหารจะได้ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) ในการส่งเสริมการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและอาหารด้วยนวัตกรรม เป็นความร่วมมือในด้านวิชาการ เทคโนโลยี และนวัตกรรม โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมมือกันพัฒนาอาหารให้ตรงตามความต้องการของตลาดสู่เชิงพาณิชย์อย่างครบวงจร ส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านอาหารในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ช่องทางการตลาด การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า พัฒนาบุคลากร ตลอดจนถ่ายทอดองค์ความรู้ การบริหารจัดการ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อพัฒนางานด้านอุตสาหกรรมอาหารของประเทศให้มีความเข้มแข็ง และมีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนต่อไป .
ไม่มีความคิดเห็น