สสว. ควงสถาบันอาหาร พาเหรดสินค้า SMEs จาก 2 โครงการใหญ่ จัดงาน ท่องกินอาหารท้องถิ่น...สุดฟินกับอาหารแห่งอนาคต(Future Food) ที่ไอคอนสยาม 28 – 30 ส.ค. นี้
สสว. ร่วมกับสถาบันอาหาร จัดกิจกรรมทดสอบตลาดและเจรจาจับคู่ธุรกิจ ท่องกินอาหารท้องถิ่น...สุดฟินกับอาหารแห่งอนาคต(Future Food) ผนึก 2 โครงการใหญ่ไว้ในงานเดียว นำทัพผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารอนาคต 23 กิจการ จาก 8 จังหวัดภาคอีสาน ภายใต้โครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ และกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงอาหารอีก 31 กิจการ ภายใต้โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ตลาดสากล ตั้งเป้าจับคู่ธุรกิจได้ไม่ต่ำกว่า 20 คู่ สร้างมูลค่าการซื้อขายได้ไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ในงานจำหน่ายสินค้าระหว่างวันที่ 28 – 30 ส.ค. 2563 ณ เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม
สำหรับสินค้าในโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ตลาดสากลฯ ที่มาร่วมออกบูธ เช่น ไข่เค็มสมุนไพรพอกใบเตย โดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหนองไฮ และโคมไฟสานจากสุ่มไก่แม่หมูบิน โดยวิสาหกิจชุมชนสุ่มไก่แม่หมูบิน จากจ.ปราจีนบุรี ข้าวกล้องสังข์หยดแห้งชงดื่ม โดยวิสาหกิจชุมชนข้าวซ้อมมือควนปอม และชาดอกกาแฟอาราบิก้าภาคใต้ โดยวิสาหกิจชุมชนไร่กาแฟภูบรรทัด จากจ.พัทลุง นวดแผนไทย/ยาสมุนไพร/สบู่ลูกโหนด/กระเป๋าสาน โดยวิสาหกิจชุมชนชาสมุนไพร และไข่ครอบแฝดสยาม/กุ้งต้มน้ำผึ้ง/ปลากรอบขมิ้น โดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทะเลสาบสงขลา จากจ.สงขลา เป็นต้น.
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) เผยว่า สสว.ได้ร่วมกับสถาบันอาหาร ดำเนินโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่(Early Stage) ปี 2563 ในการผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการใหม่ ซึ่ง สสว.ได้ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการพัฒนาผู้ประกอบการให้มีความแข็งแรงในการจัดตั้งธุรกิจให้ยั่งยืนได้ในระยะยาว
“สสว.ได้ร่วมกับสถาบันอาหาร คัดเลือกผู้ประกอบการ SME ในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารอนาคตหรือ Future Food ได้แก่ อาหารเกษตรอินทรีย์และออร์แกนิค อาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาหารทางการแพทย์ และอาหารที่ผลิตขึ้นใหม่ทางนวัตกรรม ให้เข้าร่วมจำนวน 600 ราย จากพื้นที่เป้าหมาย 8 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด และยโสธร ทั้งนี้ตั้งเป้าให้ผู้ประกอบการได้รับการพัฒนาแนวคิดในการสร้างธุรกิจ จำนวน 600 ราย และมีผู้ประกอบการได้รับการปรึกษาแนะนำเชิงลึก สามารถทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หรือยอดขายเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือมีแนวคิดในการทำธุรกิจ รวมจำนวน 220 ราย เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมไม่น้อยกว่า 24 ล้านบาท” นายวีระพงศ์ กล่าว
ผอ.สสว. เผยอีกว่า สำหรับโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ตลาดสากล(Product Development) ปี 2563 มีแนวคิดในการพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจในภาคการผลิตและภาคบริการ ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยและวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ ซึ่งมีอัตลักษณ์ความโดดเด่นในแต่ละพื้นที่ โดยการพัฒนาธุรกิจในท้องถิ่นชุมชนให้ยังคงมีวัฒนธรรมท้องถิ่น ยกระดับผู้ประกอบการภาคการค้าและภาคบริการให้สร้างมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์และนวัตกรรมตรงตามความต้องการของตลาด ภายใต้แนวคิด “Gastronomy Tourism (การท่องเที่ยวเชิงอาหาร)”
“ในปี 2563 สสว.มีเป้าหมายพัฒนาผู้ประกอบการ SME และวิสาหกิจชุมชน กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงอาหาร(Gastronomy Industry) ได้แก่ กลุ่มอาหารและท่องเที่ยว กลุ่ม Digital Content และกลุ่ม Health care service จำนวน 250 กิจการ ดำเนินการในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปราจีนบุรี มีจุดเด่นเรื่องสมุนไพร และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร จังหวัดพัทลุง มีจุดเด่นเรื่องข้าวสังข์หยด และการท่องเที่ยงเชิงธรรมชาติ และจังหวัดสงขลา อำเภอสทิงพระ อำเภอสิงหนคร อำเภอกระแสสินธุ์ มีจุดเด่นเรื่องตาลโตนด เป็นต้น”
นายวีระพงศ์ กล่าวต่อว่า การนำผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบตลาดและเจรจาจับคู่ธุรกิจ(Business Matching) ภายในงาน ท่องกินอาหารท้องถิ่น...สุดฟินกับอาหารแห่งอนาคต(Future Food) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 – 30 ส.ค. 2563 ณ เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม ชั้น G ในครั้งนี้ สสว.คาดว่าจะเกิดการจับคู่ธุรกิจรวมกันไม่น้อยกว่า 20 คู่ และเกิดมูลค่าคำสั่งซื้อรวมกันไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการฯได้คัดเลือกสินค้าที่ผ่านการยกระดับทั้งในด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์มาร่วมออกบูธรวม 54 กิจการ
อาทิ พาสต้าข้าว และ น้ำสกัดธัญพืช จากจ.ยโสธร ผงข้าวอินทรีย์ จากจ.มุกดาหาร บราวนี่มันเทศ จากจ.สุรินทร์ ชาใบข้าวหอมมะลิพร้อมดื่ม(UHT) และใบข้าวหอมมะลิผสมดอกดาวเรืองพร้อมดื่ม จากจ.ร้อยเอ็ด น้ำมัลเบอร์รี่สุขภาพ จากจ.อำนาจเจริญ เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าจากโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่(Early Stage)ปี 2563 ในกลุ่มอาหารอนาคต(Future Food) ประเภทอาหารเกษตรอินทรีย์(Organic Food) ที่ได้รับการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
นายวีระพงศ์ กล่าวต่อว่า การนำผู้ประกอบการเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบตลาดและเจรจาจับคู่ธุรกิจ(Business Matching) ภายในงาน ท่องกินอาหารท้องถิ่น...สุดฟินกับอาหารแห่งอนาคต(Future Food) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 – 30 ส.ค. 2563 ณ เมืองสุขสยาม ไอคอนสยาม ชั้น G ในครั้งนี้ สสว.คาดว่าจะเกิดการจับคู่ธุรกิจรวมกันไม่น้อยกว่า 20 คู่ และเกิดมูลค่าคำสั่งซื้อรวมกันไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการฯได้คัดเลือกสินค้าที่ผ่านการยกระดับทั้งในด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์มาร่วมออกบูธรวม 54 กิจการ
อาทิ พาสต้าข้าว และ น้ำสกัดธัญพืช จากจ.ยโสธร ผงข้าวอินทรีย์ จากจ.มุกดาหาร บราวนี่มันเทศ จากจ.สุรินทร์ ชาใบข้าวหอมมะลิพร้อมดื่ม(UHT) และใบข้าวหอมมะลิผสมดอกดาวเรืองพร้อมดื่ม จากจ.ร้อยเอ็ด น้ำมัลเบอร์รี่สุขภาพ จากจ.อำนาจเจริญ เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าจากโครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่(Early Stage)ปี 2563 ในกลุ่มอาหารอนาคต(Future Food) ประเภทอาหารเกษตรอินทรีย์(Organic Food) ที่ได้รับการพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
สำหรับสินค้าในโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ตลาดสากลฯ ที่มาร่วมออกบูธ เช่น ไข่เค็มสมุนไพรพอกใบเตย โดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมอาชีพบ้านหนองไฮ และโคมไฟสานจากสุ่มไก่แม่หมูบิน โดยวิสาหกิจชุมชนสุ่มไก่แม่หมูบิน จากจ.ปราจีนบุรี ข้าวกล้องสังข์หยดแห้งชงดื่ม โดยวิสาหกิจชุมชนข้าวซ้อมมือควนปอม และชาดอกกาแฟอาราบิก้าภาคใต้ โดยวิสาหกิจชุมชนไร่กาแฟภูบรรทัด จากจ.พัทลุง นวดแผนไทย/ยาสมุนไพร/สบู่ลูกโหนด/กระเป๋าสาน โดยวิสาหกิจชุมชนชาสมุนไพร และไข่ครอบแฝดสยาม/กุ้งต้มน้ำผึ้ง/ปลากรอบขมิ้น โดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรทะเลสาบสงขลา จากจ.สงขลา เป็นต้น.
ไม่มีความคิดเห็น