Amazfit เดินหน้าลงทุนเพิ่มงบประมาณด้านการตลาด ปี’ 65รุกตลาดทั้งทางออนไลน์ - ออฟไลน์ เพิ่มช่องทางขายปลีกเผยเห็นศักยภาพประเทศไทยนำหน้าประเทศอื่น ๆ ด้านสุขภาพ และกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอทช์
Amazfit แบรนด์อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะระดับโลก วางแผนลงทุนเพิ่มงบประมาณด้านการตลาดทั้งช่องทางแบบออนไลน์ - ออฟไลน์ และอยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรเพิ่ม ในช่องทางขายปลีก เนื่องจากมองเห็นศักยภาพประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะไทยมีศักยภาพทางการตลาดนำหน้าประเทศอื่น ๆ ทั้งในด้านสุขภาพและกลุ่ม Smart Product คนไทยชอบไปยิมและเล่นกีฬากลางแจ้ง รักแฟชั่น ชื่นชอบสินค้าอินเทรนด์และสินค้าเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาผลิตภัณฑ์ของ Amazfit ทั้งทางด้านสุขภาพ กีฬา เทคโนโลยี และแฟชั่น การทุ่มงบประมาณทางด้านการตลาดที่เพิ่มขึ้นในปี 2565 คาดว่าจะทำให้ Amazfit มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นในปี 2565
เคลวิน หมิง ผู้จัดการประจำประเทศไทย, Amazfit เปิดเผยว่า “เราต้องการพัฒนาแบรนด์ให้ดีขึ้นในตลาดประเทศไทย และปัจจัย 3 ประการ ที่ขาดไปไม่ได้ ข้อแรก นั่นคือการรับรู้ของผู้บริโภค เมื่อผู้ใช้ยืนยันคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความคุ้มค่าในการใช้งาน และยินดีที่จะแนะนำและบอกต่อให้เพื่อน ๆ พร้อมทั้งติดตามผลิตภัณฑ์ Amazfit ในเวอร์ชันใหม่ ๆ ข้อที่สอง คือการสนับสนุนจากสื่อและ อินฟลูเอนซอร์ ทั้งหมด เพราะไม่ว่านวัตกรรมใหม่จะดีแค่ไหน จะประสบความสำเร็จไปไม่ได้ ถ้าไม่มีพวกเขาในการเผยแพร่และกระจายสินค้าออกไป และ ข้อสุดท้าย คือความช่วยเหลือและความร่วมมือจากพันธมิตรของเราที่จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รับบริการก่อนการขายและหลังการขายผลิตภัณฑ์ของเราจากช่องทางต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น”
โดยในปี 2565 เราวางแผนที่จะลงทุนเพิ่มงบประมาณในตลาดประเทศไทย และจะสำรวจวิธีการทำการตลาดทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์เพิ่มเติม เรามีแผนโฆษณากลางแจ้ง แผนโปรโมทแบรนด์ และแผนพัฒนาช่องทางการขายปลีก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือกับแบรนด์ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และ ในปีหน้าจะมีอะไรที่น่าตื่นเต้นมา
ไม่มีความคิดเห็น