เปิดตลาดผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT สู่ห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ พร้อมส่งออก เป็น Soft Power ของไทยสู่นานาชาติ ยกระดับสินค้าชุมชนจากท้องถิ่นสู่สากล ร่วมกับกลุ่มบริษัทบิ๊กซี สร้างรายได้ให้ชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ
และร่วมแสดงความยินดีในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมทางการตลาดผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมนายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบริษัทบีเจซี บิ๊กซี นายกลศ หิรัญบูรณะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก อินสตรูเม้นท์ เซ็นเตอร์ จำกัด ผู้บริหาร สื่อมวลชน เข้าร่วม ณ บิ๊กซี สาขาราชดำริ
นายอิทธิพล กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลจะนำประเทศไทย ก้าวเข้าสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่เน้นในด้าน “อุตสาหกรรมสร้างสรรค์” อาทิ แฟชั่น อาหาร การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภาพยนตร์ ศิลปะการแสดง ดนตรี รวมถึงงานฝีมือและหัตถกรรม และเป็นไปตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG” กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายสู่ “กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ” ภายใต้แนวคิด วัฒนธรรมทำดี ทำงาน ทำเงิน ส่งเสริมสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับประชาชน จึงได้มีโครงการส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ภายใต้ชื่อ Cultural Product of Thailand หรือ CPOT ที่เน้นในเรื่องของการปรับโฉมให้มีภาพลักษณ์ร่วมสมัย และตอบโจทย์การใช้งาน ล่าสุด
วธ. ร่วมกับกลุ่มบริษัทบีเจซี บิ๊กซี และบริษัท บางกอก อินสตรูเม้นท์ เซ็นเตอร์ จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมทางการตลาด CPOT ร่วมกันขยายช่องทางการตลาดให้ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยเป็นที่รู้จักระดับสากล
นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า สาระสำคัญของความร่วมมือเป็นการส่งเสริมทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ CPOT ให้เป็นที่รู้จักสู่กลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายในระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2566 พอสังเขป ดังนี้ ร่วมมือกันส่งเสริมโครงการ/กิจกรรมและองค์ความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการตลาดและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย ร่วมมือกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักผ่านช่องทางที่มีอยู่ และร่วมมือสนับสนุนพื้นที่จัดแสดงและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าว วธ. เชิญชุมชนมาร่วมสาธิตผลิตภัณฑ์ CPOT อาทิ ผลิตภัณฑ์จากกาบกล้วย ชุมชนคุณธรรมฯ วัดเจ็ดเสมียน จังหวัดราชบุรี ผ้าลายใบไม้ ชุมชนบ้านปลายคลองมะขาม จังหวัดราชบุรี ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมจากสมุนไพรไทย เครือข่ายทางวัฒนธรรมไทยสมุทร จังหวัดสระบุรี และผลิตภัณฑ์จากทองเหลือง ชุมชนคุณธรรมฯวัดบ้านค่าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจะมีการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ CPOT อีกมากมาย คาดในปีแรกจะสร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 100 ล้านบาท สามารถดูรายละเอียด CPOT ได้ที่ www.cpotshop.com และ Facebook CPOT
สำหรับเข้าสู่ช่องทาง Modern Trade ถือเป็นการยกระดับสินค้าชุมชนจากท้องถิ่นสู่สากล ช่วยเหลือชุมชนและผู้ประกอบการให้ได้พัฒนาการผลิต แหล่งจำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศในการพัฒนา CPOT ให้ดียิ่งขึ้น ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้ชุมชนและผู้ประกอบการ ได้ฟื้นตัวหลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤตโควิด สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง เป็นการเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกันก็พยายามส่งออก Soft Power ของไทยออกสู่ต่างประเทศ เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ CPOT หากได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จะถือเป็นหนึ่งใน Soft Power ของไทยที่น่าจับตามองอีกด้วย
นายอิทธิพล กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลจะนำประเทศไทย ก้าวเข้าสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่เน้นในด้าน “อุตสาหกรรมสร้างสรรค์” อาทิ แฟชั่น อาหาร การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภาพยนตร์ ศิลปะการแสดง ดนตรี รวมถึงงานฝีมือและหัตถกรรม และเป็นไปตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG” กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายสู่ “กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ” ภายใต้แนวคิด วัฒนธรรมทำดี ทำงาน ทำเงิน ส่งเสริมสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับประชาชน จึงได้มีโครงการส่งเสริมการพัฒนาต่อยอดสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ภายใต้ชื่อ Cultural Product of Thailand หรือ CPOT ที่เน้นในเรื่องของการปรับโฉมให้มีภาพลักษณ์ร่วมสมัย และตอบโจทย์การใช้งาน ล่าสุด
วธ. ร่วมกับกลุ่มบริษัทบีเจซี บิ๊กซี และบริษัท บางกอก อินสตรูเม้นท์ เซ็นเตอร์ จำกัด ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมทางการตลาด CPOT ร่วมกันขยายช่องทางการตลาดให้ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทยเป็นที่รู้จักระดับสากล
นายอิทธิพล กล่าวต่อไปว่า สาระสำคัญของความร่วมมือเป็นการส่งเสริมทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ CPOT ให้เป็นที่รู้จักสู่กลุ่มเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายในระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2566 พอสังเขป ดังนี้ ร่วมมือกันส่งเสริมโครงการ/กิจกรรมและองค์ความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการตลาดและเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย ร่วมมือกันเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักผ่านช่องทางที่มีอยู่ และร่วมมือสนับสนุนพื้นที่จัดแสดงและจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าว วธ. เชิญชุมชนมาร่วมสาธิตผลิตภัณฑ์ CPOT อาทิ ผลิตภัณฑ์จากกาบกล้วย ชุมชนคุณธรรมฯ วัดเจ็ดเสมียน จังหวัดราชบุรี ผ้าลายใบไม้ ชุมชนบ้านปลายคลองมะขาม จังหวัดราชบุรี ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมจากสมุนไพรไทย เครือข่ายทางวัฒนธรรมไทยสมุทร จังหวัดสระบุรี และผลิตภัณฑ์จากทองเหลือง ชุมชนคุณธรรมฯวัดบ้านค่าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจะมีการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ CPOT อีกมากมาย คาดในปีแรกจะสร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 100 ล้านบาท สามารถดูรายละเอียด CPOT ได้ที่ www.cpotshop.com และ Facebook CPOT
สำหรับเข้าสู่ช่องทาง Modern Trade ถือเป็นการยกระดับสินค้าชุมชนจากท้องถิ่นสู่สากล ช่วยเหลือชุมชนและผู้ประกอบการให้ได้พัฒนาการผลิต แหล่งจำหน่ายสินค้าขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ และสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศในการพัฒนา CPOT ให้ดียิ่งขึ้น ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้ชุมชนและผู้ประกอบการ ได้ฟื้นตัวหลังจากผ่านพ้นช่วงวิกฤตโควิด สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง เป็นการเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ขณะเดียวกันก็พยายามส่งออก Soft Power ของไทยออกสู่ต่างประเทศ เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ CPOT หากได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จะถือเป็นหนึ่งใน Soft Power ของไทยที่น่าจับตามองอีกด้วย
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี กล่าวว่า บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เรายึดแนวคิด “ห้างคนไทย หัวใจคือลูกค้า” ในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาได้เดินหน้าผสานความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อให้ผู้ประกอบการ อาทิ กลุ่มเกษตรกรไทย ได้มีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านบิ๊กซีที่มีสาขาทั่วประเทศ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้กับทางกระทรวงวัฒนธรรมเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ส่วนหนึ่งในการส่งต่อสินค้าคุณภาพจากภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือ CPOT ให้กับผู้บริโภค ที่สำคัญการเป็นแกนกลางในการกระตุ้นยอดขายและทำให้สินค้าภูมิปัญญาเป็นที่รู้จักในวงกว้างจะเพิ่มโอกาสในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต อาทิ ตลาดต่างประเทศ ซึ่งทางบิ๊กซีเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพและช่องทางการจัดจำหน่ายของบิ๊กซีที่ในวันนี้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์จะเป็นอีกหนึ่งพลังสำคัญในการส่งมอบสินค้าดีมีคุณภาพในราคาที่ประหยัดและคุ้มค่าสอดรับกับแนวคิดในการเป็น “ศูนย์การจับจ่ายแบบครบวงจร”
ขอเชิญทุกท่านร่วมอุดหนุนสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี “ของดีทั่วไทย ใกล้มือคุณ” ได้แล้ววันนี้ที่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 35 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.m-culture.go.th และ www.bigc.co.th
ขอเชิญทุกท่านร่วมอุดหนุนสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี “ของดีทั่วไทย ใกล้มือคุณ” ได้แล้ววันนี้ที่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 35 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.m-culture.go.th และ www.bigc.co.th
ไม่มีความคิดเห็น