" หมอแยม " พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร .. สุดปลื้ม !! คว้า 2 รางวัล รางวัลพิฆเนศวร สาขาบุคคลดีเด่นผู้เป็นแบบอย่างที่ดี และรางวัล THE BEST CEO ผู้บริหารธุรกิจดีเด่น 2022

พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร (หมอแยม) แพทย์เจ้าของ ' โทมัสคลีนิค บายด็อกเตอร์แยม ' เข้ารับรางวัลพิฆเนศวร สาขาบุคคลดีเด่นผู้เป็นแบบอย่างที่ดี และรางวัล THE BEST CEO ผู้บริหารธุรกิจดีเด่น 2022 จัดได้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ สำหรับงานประกาศรางวัล “ พิฆเนศวร ” ประจำปี 2565 และ งานเชิดชูเกียรติบุคคลและองค์กร ประจำปี 2022 “ รางวัลการสร้างสรรค์ สังคมคุณภาพ จริยธรรม บนพื้นฐานคุณค่าวัฒนธรรมที่ดีงาม รางวัลพิฆเนศวร ” ประจำปี 2565ที่ โรงแรมอมารี กรุงเทพมหานคร

พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร (หมอแยม) แพทย์เจ้าของ ' โทมัสคลีนิค บายด็อกเตอร์แยม ' เข้ารับรางวัล " พิฆเนศวร " สาขาบุคคลดีเด่นผู้เป็นแบบอย่างที่ดี และรางวัล THE BEST CEO ผู้บริหารธุรกิจดีเด่น 2022 เข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติในครั้งนี้ โดยคณะกรรมการจะพิจารณาจากบุคคลที่ทำคุณประโยชน์เพื่อสังคมประเทศชาติอย่างแท้จริง
พญ. รุ่งไพลิน รัตนชีวร (หมอแยม) แพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล ศึกษาต่อด้านผิวหนัง ปท.อังกฤษ และศาสตร์ชะลอวัย ปท.อเมริกา แพทย์เจ้าของ ' โทมัสคลินิก By ดอกเตอร์แยม '
“ หมอแยม ” กับ เวิร์คไลฟ์ บาลานซ์ ฉบับไม่ซ้ำใคร การทำธุรกิจใดๆ ก็ตาม หากมีความเข้าใจในวัตถุประสงค์ และความต้องการของลูกค้าแล้ว เชื่อมั่นเหลือเกินว่า ผลลัพธ์ของการทำธุรกิจที่ว่านั้นจะต้องเกิดผลความสำเร็จอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับ " หมอแยม-พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร " แห่ง ' โทมัส คลินิก (THOMAS CLINIC) ' ที่วันนี้ ไม่ใช่แค่การทำงาน โดยใช้จรรยาบรรณวิชาชีพ เป็นแนวทาง เท่านั้น แต่เธอยังได้ใช้กลยุทธ์ ที่สร้างความประทับใจ ให้กับลูกค้าหลายๆ คน อีกด้วย
หนึ่งในแนวทางการทำงานของเธอนั้นคือ การเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง “ ลูกค้าที่มาใช้บริการในคลินิกของเรา ส่วนหนึ่งเป็นผู้ชาย หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ก็น่าจะมีมากถึง 40% ก็ว่าได้ เราจึงเน้นการบริการในแบบส่วนตัว และแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด โดยตัวของหมอแยมเอง จะเป็นคนให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยตรง ไม่ผ่านเซลล์ เหมือนกับคลินิกความงามอื่น ๆ เพราะจะได้รักษาลูกค้าให้ตรงจุดจริงๆ” เช่นเดียวกับการทำการตลาด ด้วยการลงโฆษณา ซึ่งก็ถือเป็นผลดี สำหรับการทำธุรกิจ แต่สำหรับแนวทางของหมอแยมแล้ว กลับมีความแตกต่างออกไป “
"เราจะไม่เน้นการขายคอร์ส หรือ การขายโปรแกรมเพิ่มให้กับลูกค้า แต่จะเป็นการให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยตรง ว่า ควรดูแลจุดใดเป็นพิเศษ แล้วให้ลูกค้าเป็นคนตัดสินใจ นอกจากนี้ ทางคลินิกของเราก็จะไม่ถ่ายภาพ Before & After เพราะเหมือนเป็นการทำภาพให้ดูเกินจริง เราอยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และลูกค้าเห็นผลจริงๆ ”



นอกจากนี้ ทางคลินิกเองก็ยังไม่มีการลงสื่อโฆษณาด้วย “ เรามีฐานลูกค้าแบบไพรเวท วีไอพี อยู่แล้ว หากไปลงโฆษณาแบบนั้น ลูกค้าก็จะเน้นไปดูที่ราคาเป็นหลัก และก็ทำให้เขาไม่รู้จักเราจริงๆ ซึ่งก็ยิ่งทำให้เราทำงานยากขึ้น และส่งผลถึงต้นทุนด้วย ขณะเดียวกันเราก็ไม่มีเซลล์ ทำให้ไม่ต้องแบ่งรายได้ 20-30% ให้เซลล์ ในส่วนนี้เราสามารถพูดคุยกับลูกค้าได้โดยตรง สามารถลดราคาได้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเรามีความรู้สึกว่า ถ้าเราอยากทำธุรกิจ เราก็คงจะไปประกอบอาชีพอื่นดีกว่า แต่วันนี้ เราเกิดมาเป็นแพทย์แล้ว เราก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ถือเป็นอีกความภูมิใจที่เราเองก็รู้สึกดีค่ะ ”
" หมอแยม " บอกด้วยว่า ในการวางแนวคิด ตลอดจนแผนการทำงานในแบบฉบับที่ตัวเธอวางไว้นั้น ยังทำให้เธอมีช่วงเวลาที่เป็นของตัวเองมากขึ้น “รู้สึกได้ถึง เวิร์คไลฟ์ บาลานซ์ จริงๆ ทั้งเรื่องของเวลาที่มากพอ ในการได้ไปทำในสิ่งที่ชอบ รวมไปถึง ยังได้มีเวลาการทำงาน ที่เราสามารถกำหนดเองได้ เพราะทุกครั้งเราก็จะวางแผน จัดตารางการทำงานของเรา ให้กับลูกค้าได้รู้ด้วย” เรียกว่า เป็นอีกหนึ่งความสุขของ หมอแยม- พญ. รุ่งไพลิน รัตนชีวร ที่เธอค้นพบแนวคิด และวิธีการทำงานในแบบของตัวเอง และไม่ซ้ำใคร จริงๆ
" หมอแยม " สร้างกลยุทธ์จากจรรยาบรรณวิชาชีพ “ หมอจะเป็นด่านแรกในการปรึกษา เพื่อการรักษาที่ตรงจุด ไม่มีพนักงานขายของ เพื่อประโยชน์ของคนไข้มากที่สุด ทั้งเรื่องของการได้รับผลลัพธ์ทันที และไม่สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ” เรียกว่า เป็นนิยามของ “หมอแยม” หรือ พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร กับการทุ่มเทการรักษาดูแลคนไข้ หรือแม้แต่ผู้ที่เข้ามาปรึกษาด้านความงาม อย่างเต็มความสามารถ ไม่ใช่การมุ่งเน้นทำธุรกิจเดินขึ้นมาบนชั้น 2 ของอาคารฟิฟตี้ฟิฟทองหล่อ (ติดหน้าถนนทองหล่อซอย 2 )ก็จะพบ THOMAS CLINIC (โทมัส คลินิก) สถานที่ทำงานของหมอแยม ซึ่งแค่เห็นชื่อคลินิก ก็รู้สึกเห็นถึงความแตกต่างแบบไม่ซ้ำใครแล้ว ยิ่งเดินเข้ามาในคลินิก ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความเป็นส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัด หมอแยม เล่าให้ฟังว่า เหตุผลที่ตั้งชื่อคลินิกแบบนี้ เพราะลูกค้าส่วนหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการนั้น เป็นผู้ชาย
“ลูกค้าเกือบครึ่งหนึ่งของคลินิก เป็นผู้ชายแท้ๆ ซึ่งตอนที่คิดจะเปิดคลินิกนี้ เลยอยากได้ชื่อที่ลูกค้าผู้ชายของเรารู้สึกสบายใจด้วยที่จะเข้ามาใช้บริการ ”
“ ขณะเดียวกัน คลินิกเสริมความงามของเรา ก็ไม่ใช่คลินิกที่เน้นคอร์สนวดหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาด้วยการฉีดเป็นหลักและบำรุงจากภายใน เช่นบางรายมีปัญหาเรื่องเส้นผม หรือ ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย บ้างก็มีปัญหาข้อเข่า เราก็จะมีบริการดูแล และหาสาเหตุอาการแต่ละจุดตามที่ลูกค้าต้องการเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลจริง ”จะว่าไปแล้ว วันนี้ผู้ชายจำนวนไม่น้อยได้หันมาให้ความสนใจเรื่องของความงามไม่ต่างจากผู้หญิง “ ยิ่งเป็นผู้ชายในแวดวงธุรกิจ แล้ว ทำให้เขาเห็นความสำคัญในเรื่องภาพลักษณ์บริษัท หรือ ธุรกิจที่ทำอยู่หรือ บางราย ผู้หญิงสวยๆ ก็มักจะพาแฟน หรือ สามี มารับบริการ เพื่อให้ดูดีเหมือนกัน ” ส่วนวิธีการดูแลด้านความงามของผู้ชาย หมอแยม เล่าว่า แตกต่างไปจากผู้หญิง “ ผู้ชายบางคน อาจมีริ้วรอยแห่งวัย ก็อยากจะให้เราช่วยรักษาให้ริ้วรอยลดลง อาจไม่ต้องให้ถึงกับหายไปเลย แต่ให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทำเยอะเหมือนผู้หญิง บางคนมาด้วยปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย เราก็จะช่วยยกกระชับใบหน้าให้ ทำให้ไม่เพียงลูกค้าจะรู้สึกใบหน้ากระชับเท่านั้น แต่ยังได้ความอ่อนวัยกลับไปด้วย ”
“ วันนี้จำนวนลูกค้าที่เป็นผู้ชายที่เข้ารับบริการกับทางคลินิกของเรามีถึง 40% เลยก็ว่าได้ค่ะ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะชื่อของคลินิก การตกแต่ง รวมไปถึงการดูแลรักษาของเรา ที่มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก และจุดเด่นอีกอย่างของคลินิกเรา ไม่ต้องมานั่งรอคิวเยอะๆ และไม่มีเซลล์มารบกวนลูกค้าเลย เราจะทำนัดลูกค้าทุกคน พอมาถึงคลินิก ก็เข้าห้องรักษาเลย เสร็จแล้วก็กลับบ้านค่ะ ”เรียกว่าตอกย้ำถึงความเป็นส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัด ประเด็นความยากง่ายการรักษา หมอแยมเล่าว่า การดูแลรักษาผู้ชายก็ยากเหมือนกัน “ ช่วงแรก ๆ ยากมากค่ะ ยิ่งผู้ชายที่ไม่เคยเข้ารับบริการด้านความงามมาก่อน ก็ยากมาก เพราะเขาจะรู้สึกว่า ทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร และยิ่งกว่านั้น ผู้ชายเป็นคนกลัวเจ็บ กลัวเข็ม ต่างจากผู้หญิงที่มีความอดทน โดยเฉพาะการอดทนเพื่อความสวย แต่พอผู้ชายได้ทำไปแล้ว เขาก็จะรู้สึกดี และไม่ทำให้เขาดูเปลี่ยนแปลงเยอะ มีความเป็นธรรมชาติ ทำให้รู้สึกมั่นใจ ”
" หมอแยม " บอกด้วยว่า หลังจากที่ผู้ชายเปิดใจกับสิ่งใหม่แล้ว เขาก็จะเป็นคนตัดสินใจเองว่า จะทำโปรแกรมอะไรต่อไป โดยที่ทางคลินิกไม่ต้องนำเสนอโปรแกรมอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็น เซเลบริตี้ หรือ ดารานักแสดง รวมถึงคนดังในแวดวงต่างๆ หากเข้ามารับบริการในคลินิก สิ่งหนึ่งที่จะไม่เจอเลยคือ การถ่ายภาพ เพื่อไปทำโฆษณา หรือแม้แต่การขายคอร์ส ขายโปรแกรม “ เพราะเราไม่ทำการตลาดแบบนั้นอยู่แล้ว ยิ่งการถ่ายภาพ Before & After เรารู้สึกว่าเหมือนเป็นการทำภาพให้ดูเกินจริง ทางคลินิกของเราจึงเน้นทำให้ลูกค้าเห็นผลกันจริงๆ เลยดีกว่า แล้วแนะนำเป็นคอนเนคชั่นแบบบอกต่อกันไป ” อีกสิ่งหนึ่งที่ " หมอแยม " ทำมาตลอดคือ การให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยตรง “ หมอจะเป็นคนบอกลูกค้าเองว่า เขาควรทำอะไร และดูแลจุดใดเป็นพิเศษ ขณะที่เทียบกับคลินิกอื่น ก็จะเป็นการปรึกษากับเซลล์ที่ไม่ได้จบแพทย์ หรือ พยาบาล บางทีมีการบอกคอร์สผิด ก็มาขายคอร์สเพิ่มให้ลูกค้า ทำให้สิ้นเปลือง และสร้างความสับสนให้กับลูกค้า เราเลยเน้นไปที่ การให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยตรง เพราะเราเองก็เป็นแพทย์อยู่แล้ว จะตอบคำถามลูกค้าเองหมด แม้แต่ในไลน์ หมอก็จะเป็นแอดมิน คุยกับลูกค้าโดยตรง ”เชื่อหรือไม่ ' โทมัส คลินิก ' ไม่เคยลงโฆษณาในสื่อเลย นอกเสียจากมีสื่อเข้ามาสัมภาษณ์เอง “ เนื่องจากเรามีฐานลูกค้าเป็นแบบไพรเวท วีไอพี หากเราไปลงโฆษณา ลูกค้าก็จะไปดูที่ราคาเป็นหลัก และเขาก็จะไม่ได้รู้จักเราจริงๆ ส่งผลให้เกิดความยากในการทำงาน ไปจนถึงต้นทุนค่าใช้จ่าย ” ในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา
" หมอแยม " เล่าว่า ทางคลินิกแทบไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากวิกฤต ขณะที่บางคลินิก มุ่งแต่จะลงโฆษณา แล้วสู้กันที่ราคาว่า ใครถูกกว่ากัน “ ยิ่งเราไม่มีเซลล์ ก็ไม่ต้องแบ่งรายได้ 20-30% ให้เซลล์ และเราก็สามารถลดราคาให้กับลูกค้าได้เอง ที่สำคัญเราไม่ได้ตั้งราคาสูงเกินไป ทำให้ลูกค้ามักกลับมารักษากับเราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจของลูกค้าที่ให้กับเราค่ะ ”
“ เพราะเรามีความรู้สึกว่า ถ้าเราอยากเป็นนักธุรกิจ ก็คงจะไปประกอบอาชีพอื่นดีกว่า แต่เรามองว่า เราเกิดมาเป็นแพทย์แล้ว เราก็อยากทำหน้าที่แพทย์ให้ดีที่สุด จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ซึ่งทำให้เรารู้สึกดี และภูมิใจในตัวเองมากที่สุด ”
" หมอแยม " ยังเล่าด้วยว่า แผนการ และแนวคิดที่เธอวางไว้เหล่านี้ ยังทำให้เธอ รู้สึกถึงความสมดุลในชีวิต “ เรียกว่า เวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ของเราในวันนี้ดีทุกอย่าง มีเวลาส่วนตัวมากพอ ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เช่นการทำบุญ หรือออกงานสังคม พบเพื่อนฝูง ขณะเดียวกันเรายังมีเวลาที่จะได้ดูแลลูกค้าด้วย เพราะวันนี้ การทำงาน ถือเป็นความสุขของเราจริงๆ ”
กระนั้นก็ตาม ด้วยการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ในเร็วๆ นี้ ไม่แน่ว่า อาจจะได้เห็นภาพของหมอแยม-พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร บนเส้นทางการเติบโตที่จะสร้างชีวิตดีๆ ให้กับทุก ๆ คน
ผู้สนใจดูแลสุขภาพผิวพรรณ หรือ มีปัญหาด้านสุขภาพ สามารถปรึกษา หมอแยม-พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร ได้ที่ THOMAS CLINIC ชั้น 2 อาคารฟิฟตี้ฟิฟ ทองหล่อ ( ปากซอยทองหล่อซอย 2 )สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 หรือโทรศัพท์ 0635569669หรือ ที่ IG : @ThomasClinic และ Facebook : Thomas Clinic (@thomasclinic.thonglor)

ไม่มีความคิดเห็น

รูปภาพธีมโดย mevans. ขับเคลื่อนโดย Blogger.