กสทช. ร่วมกับภาครัฐเปิดตัว “โครงการวิจัยแนวทางเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคม และการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ” มุ่งยกระดับสวัสดิการผู้สูงอายุ พร้อมผลักดันสู่นโยบายระดับประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ประกาศเปิดตัว “โครงการวิจัยแนวทางเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคมและการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ” พร้อมวางแผนเพื่อหาแนวทางการทำความร่วมมือ Thailand Smart Living Lab ต่อไป เพื่อส่งเสริมให้เกิดสวัสดิการผู้สูงอายุ ยุค 5G Digital Health Innovation และเตรียมตัวก้าวสู่ Thailand Personal Health AI”
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยเข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ โดยสถิติผู้สูงอายุมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดช่องว่างและข้อจำกัดบางประการของการปรับตัวระหว่าง “ผู้สูงอายุ” กับ “เทคโนโลยียุคใหม่” ที่ทำให้ไม่มีความรู้ความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลได้ ส่งผลให้การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ ยังไม่ได้รับการเชื่อมต่อข้อมูลและใช้งานจากเทคโนโลยีดิจิทัลเท่าที่ควร ดังนั้น การเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ จึงนับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนส่งเสริมการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลในการยกระดับคุณภาพชีวิต และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม “ทาง กสทช. ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้ส่งเสริมและสนับสนุนเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) เพื่อดำเนินโครงการวิจัยแนวทางเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคม และการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยผลลัพธ์ของโครงการจะได้เป็นแนวทางการเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ และได้แบบสถานการณ์จำลองหรือระบบนำร่องของบริการสวัสดิการทางสังคมบนพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งกองทุน กทปส. มีความคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าระบบนำร่อง หรือ Prototype ที่เกิดขึ้นจากการสนับสนุนโครงการดังกล่าว จะถูกนำไปใช้ประโยชน์และขยายผลการใช้งานไปทั่วประเทศ
ปัจจุบัน โครงการที่ กทปส. สนับสนุนได้ดำเนินการมานั้น สามารถสร้าง Prototype เพื่อนำร่องไปใช้ประโยชน์ได้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กทปส. กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาล จะมาร่วมกันผลักดันเรื่อง “สวัสดิการผู้สูงอายุ ยุค 5G Digital Health Innovation เพื่อเตรียมตัวก้าวสู่ Thailand Personal Health AI ในระยะถัดไป” โดยขยายผลต่อยอดจากโครงการที่ กทปส. ได้ให้การสนับสนุน
ด้าน รศ.ดร. รินา ภัทรมานนท์ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวถึง โครงการวิจัยแนวทางเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคม และการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ ที่ดำเนินการโดยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เกิดขึ้นภายใต้วัตถุประสงค์ที่ต้องการพัฒนาการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคมและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ จึงได้มีการศึกษาถึงปัญหาและอุปสรรคการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคมในกลุ่มผู้สูงอายุ ภาระหน้าที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสวัสดิการทางสังคมกับผู้สูงอายุ รวมถึงวิเคราะห์สวัสดิการทางสังคมที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อจัดทำแนวทางการเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยการพัฒนาสถานการณ์จำลองหรือระบบนำร่องของบริการสวัสดิการทางสังคมบนพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับสังคมผู้สูงอายุ
ด้านอาจารย์ จตุรภรณ์ โชคภูเขียว จากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโครงการวิจัยฯ กล่าวว่า “จากการศึกษาที่ผ่านมาของโครงการนี้ ทำให้ได้ข้อเสนอแนวทางเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสวัสดิการทางสังคมและการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในกลุ่มผู้สูงอายุ รวมถึงการสร้างระบบนำร่องสารสนเทศอุปกรณ์ Medical IoT ที่พัฒนาขึ้นจากสถานการณ์จำลองของบริการดิจิทัลบนพื้นฐานเทคโนโลยี Internet of Things หรือ 5G โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานไม่น้อยกว่า 5 หน่วยงาน และผู้สูงอายุได้ทดลองใช้ระบบนำร่องดังกล่าวถึง 2,000 ราย อีกทั้งโครงการต้นแบบสามารถนำไปบรรจุเป็นแผนปฏิบัติราชการของจังหวัดพื้นที่เป้าหมายได้ ได้แก่ จังหวัดลำปาง จังหวัดขอนแก่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดสงขลา และผู้ใช้บริการมีความพึงพอใจในโครงการไม่น้อยกว่า 80%”
สำหรับ ความร่วมมือ Thailand Smart Living Lab ในครั้งนี้นับว่าเป็นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการบูรณาการความร่วมมือของ กระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานภาครัฐระดับจังหวัด รวมถึงผู้บริหารส่วนท้องถิ่นที่ได้เข้ามาช่วยกันสนับสนุนผลักดันให้เกิดสวัสดิการผู้สูงอายุยุค 5G ผ่านการทำ Digital Health Innovation เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความมั่นคงในสุขภาพ และสามารถใช้ชีวิตสังคมในระยะยาวได้อย่างมีความสุข ตลอดจนทางภาครัฐยังได้มีข้อมูลสุขภาพของผู้สูงอายุทั้งประเทศไทย เพื่อเตรียมตัวก้าวสู่การทำ Thailand Personal Health AI กับกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) รวมทั้งหน่วยงานภาคีเครือข่าย ในลำดับต่อไป โดยมุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาพที่แข็งแรงยิ่งขึ้น
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการวิจัยครั้งนี้ จะเป็นก้าวสําคัญในการขับเคลื่อนการเข้าถึงสวัสดิการให้กับผู้สูงอายุในประเทศ และจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ช่วยลดภาระพึ่งพิงสวัสดิการจากภาครัฐ ในการดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาลของผู้สูงอายุได้ในอนาคต ผมขอสนับสนุนให้ประสบความสำเร็จจนสามารถเกิดการผลักดันต่อให้เป็นนโยบายสวัสดิการทางสังคมและสุขภาพด้วยเทคโนโลยี 5G ต่อไปในอนาคต” นายไตรรัตน์ กล่าวเพิ่มเติม
ไม่มีความคิดเห็น